วันนี้ขอนำเสนอคำพังเพยที่ว่า ” กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี “ หลายคนคงจะได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์ไทยกันมาแล้ว และรู้ว่า กรุงศรีอยุธยาเคยเป็นเมืองหลวงของไทยมาก่อน มีประวัติศาสตร์การสู้รบกับอริราชศัตรูมาหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน และไม่ว่าบ้านเมืองจะมีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดศึกสงคราม ก็จะมีวีรบุรุษ วีรสตรีมาคอยปกป้อง ฟื้นฟูบ้านเมือง ตัวอย่างเช่น พระนเรศวรมหาราช พระเจ้าตากสินมหาราช เป็นต้น ตามตำราหลายๆเล่ม ได้กล่าวถึงที่มาของคำพังเพย ” กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี ” ว่า สำนวนคำพังเพยประโยคนี้เป็นสำนวนเก่า
ค้าค้นหา ‘คำพังเพย’
วันนี้ขอนำเสนอคำพังเพยไทยที่ว่า ” กลิ้งครกขึ้นภูเขา “ บางคนอาจแปลกใจว่า ทำไมไม่ใช้ “เข็นครกขึ้นภูเขา” ซึ่งจะได้ยินกันบ่อยพอสมควร นั้นจริงๆแล้วไม่ถูกต้อง ต้องใช้คำว่า “กลิ้งครก” ไม่ใช่ “เข็นครก” เพราะครกมีลักษณะกลมต้องพลิกเลื่อนไปจึงต้องใช้คำว่า ” กลิ้ง ” โคลงสุภาษิตประจำภาพในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามอธิบายความหมายว่า
วันนี้ขอแนะนำคำพังเพย ที่ว่า ” กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ “ เป็นคำคำเพย ซึ่งเป็นเชิงเปรียบเทียบ ถึงการทำงานที่ลังเล ไม่ยอมเลือก ไม่กล้าตัดสินใจ หรือมั่วแต่รอลังเลใจ จนทำให้งานเสียหาย โดยคำพังเพยนี้มาจาก การคั่วถั่วกับงาในกระทะเดียวกัน เนื่องจากถั่วเป็นของสุกช้า ส่วนงาจะสุกเร็วกว่า เมื่อเอามาคั่วในกระทะเดียวกัน แล้วมัวรอไห้ถั่วสุก งาก็ไหม้เสียก่อน สรุปความหมาย ของคำพังเพย “ กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ ” หมายถึงลักษณะของการทำงานที่มีความรีรอลังเลใจ ทำให้แก้ไขปัญหาได้ไม่ทันท่วงที เมื่อได้อย่างหนึ่งแล้ว แต่กลับต้องเสียอีกอย่างหนึ่งไป
อีกหนึ่ง สำนวน สุภาษิต คำพังเพย ของไทยที่ได้ยินกันบ่อย ” เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ” จัดเป็นคำพังเพยนะครับ โดยการเปรียบคนที่ทำอะไรไม่จริงจัง เจออุปสรรคนิดหน่อยก็ถอย ยอมแพ้เอาง่าย กับการเหยียบขี้ไก่ให้แบนฝ่อไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ง่ายมาก( ไม่เชื่อลองเหยียบดูสิ ทั้งแบนทั้งเหม็นเลยแหละ ) สรุปความหมาย ของคำพังเพย “ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ” หมายถึง คนที่ทำอะไรไม่จริงจัง ไม่ทุ่มเท ไม่เอาการเอางาน ไม่ตั้งใจทำให้ถึงที่สุด เจออุปสรรคนิดหน่อยก็ล้มเลิก หรือ ทำอะไรมักไม่สำเร็จแม้กระทั่งเรื่องง่ายๆ ส่วนที่มาของ “ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ “ คนสมัยโบราณเปรียบคนชนิดนี้ว่า ขนาดกองขี้ไก่ที่มีขนาดเล็ก ยังเหยียบให้ฝ่อหรือแบนไม่ได้
วันนี้ขอแนะนำคำพังเพย ที่ว่า ” ซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ “ การตีความหมายของคำพังเพยนี้แบบไม่ต้องท่องจำ คือ ต้องนึกภาพตามว่า ในช่วงฤดูทำนา ชาวนาสมัยก่อยจะใช้ควายในการไถนา หากเราจะไปขอซื้อความยในช่วงนั้นคงจะหาซื้อได้ยาก และมีราคาแพงมาก จึงสามารถตีความหมายได้ว่า เป็นการกระทำที่ไม่ถูกเวลา หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม “ ซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ “ ถึงเป็นคำพังเพย ? ก็เพราะเป็นถ้อยคําที่ เปรียบเทียบเหตุการณ์ หรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่พบเห็นได้ในการดํารงชีวิตของคนรุ่นก่อน เน้นการสั่งสอนแต่ใช้ในทํานองเสียดสี ประชดประชันเพื่อให้สะท้อนความคิด จึงจัดเป็น ‘ คำพังเพย ‘
วันนี้ขอนำเสนอคำพังเพยที่ว่า ” สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ “ มีความหมายว่า จะสุขหรือจะทุกข์ก็ขึ้นกับความคิดและทัศนคติของตัวเราเอง ที่เป็นผู้กำหนดเลือก หากตัวเราคิดทางบวก ไม่มุ่งร้ายผู้ใด จิตใจมีเมตตา ก็จะเกิดสุข แต่ถ้าหากคิดทางลบก็จะเป็นทุกข์ มีความกังวลใจ ไม่เป็นสุข เหมือนตกนรก ” สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ” จัดเป็นคำพังเพย เพราะ “ใช้ ในทํานองเสียดสีประชดประชันเพื่อให้สะท้อนความคิด ความเชื่อถือ และเป็นคติเตือนใจ หรือเป็นข้อคิดสะกิดใจให้นํามาปฏิบัติ” ดูหลักการแยกได้จาก สํานวน สุภาษิต คําพังเพย ต่างกันอย่างไร ?
สำนวนสุภาษิต ” เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน ” ความหมาย สำนวนนี้หมายถึงการรู้จักเก็บเงินที่ละเล็กทีละน้อย ไม่ช้าก็เป็นกอบเป็นกำ หรือการจะทำงานเล็กใหญ่ ก็พยายามค่อยๆ ทำให้ดีขึ้นแม้เล็กน้อยๆ เมื่อรวมกันและใช้เวลาก็จะทำให้การงานนั้นเห็นผลเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ ที่มาของสํานวนคำพังเพย “ เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน “ คำว่า“เบี้ย” หมายถึงพวกหอยชนิดหนึ่ง ในสมัยก่อนเรียกว่า “เบี้ยจั่น” ใช้เป็นเงินแลกเปลี่ยนซื้อของได้ แต่มีราคาต่ำ ตามสำนวนคำพังเพยนี้ เป็นการเก็บเบี้ยที่ตกอยู่ตามใต้ถุนร้าน หรือแผงลอยวางของขายซึ่งมีเบี้ยตกหล่นอยู่บ้าง เพราะมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนเบี้ยกับของโดยไม่เห็นว่าจะเป็นเบี้ยมีราคาต่ำ ถึงแม้ว่าเบี้ยจะมีค่าไม่มากแต่หากเก็บไว้เยอะๆก็มีค่าที่สูงได้
สำนวนสุภาษิต ” เกลือจิ้มเกลือ ” ความหมาย สำนวนนี้หมายถึง การใช้ความเค็มหรือความเหมือนเข้าสู้เพื่อลดกำลังหรือเอาชนะสิ่งนั้น ไม่ยอมเสียเปรียบกัน แก้เผ็ดให้สาสมกัน สำนวนที่คล้ายคลึงกัน : ขิงก็รา ข่าก็แรง ที่มาของสํานวน ดูได้จากตัวอย่างข้างล่าง
สำนวนสุภาษิต ” เกลือเป็นหนอน ” ความหมาย สำนวนนี้หมายถึง คนใกล้ชิด คนภายในหน่วยงานของเรา,ครอบครัวเราหรือเพื่อนของเรา ทรยศหักหลังเรา โดยเอาข้อมูลความลับของฝ่ายเราไปบอกกับศัตรูหรือฝ่ายตรงกันข้าม ทำให้ศัตรูหรือฝ่ายตรงกันข้ามนำข้อมูลนั้นกลับมาเล่นงานเรา
สำนวนสุภาษิต “ ไก่ดีตีหล้าๆ ไก่ขี้ข้าตีเอาๆ ” ความหมาย สำนวนคำพังเพยนี้หมายถึง คนฉลาดจะรู้จักพินิจพิจารณาก่อนที่จะทำอะไรลงไป ผิดกับคนโง่ที่มุ่งแต่จะทำโดยไม่พินิจพิจารณาให้ดีเสียก่อน สำนวนที่คล้ายคลึงกัน : ฉลาดแต่อย่าขาดเฉลียว